Search
Close this search box.

เลือกเครื่องฟอกอากาศยังไงให้เหมาะกับบ้านและสุขภาพ?

ทุกวันนี้หลายคนอาจคิดว่าอากาศภายในบ้านของเราสะอาดและปลอดภัย แต่ในความเป็นจริงแล้ว อากาศที่เราหายใจเข้าไปทุกวันอาจเต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก แบคทีเรีย ไวรัส และสารเคมีที่มองไม่เห็น ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราในระยะยาว โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มลพิษสะสม การมีเครื่องฟอกอากาศในบ้านจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยกรองและลดปริมาณสารก่อมลพิษในอากาศ

หลายคนอาจคิดว่าการอยู่ในบ้านช่วยให้เราห่างไกลจากมลพิษภายนอก เช่น ควันรถ ฝุ่น PM 2.5 หรือสารเคมีจากโรงงาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว อากาศภายในบ้านอาจมีมลพิษสะสมมากกว่าภายนอก การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพดีจึงเป็นการลงทุนที่สมเหตุสมผล เพื่อให้เราสามารถหายใจในอากาศที่สะอาดและปลอดภัยได้มากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาแค่การปิดหน้าต่างหรือใช้วิธีอื่นๆ เพียงอย่างเดียว

ตัวอย่างของมลพิษที่พบได้ในบ้าน

  • ฝุ่นละออง (PM 2.5 และ PM 10) – ฝุ่นขนาดเล็กที่สามารถเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
  • เชื้อโรคและแบคทีเรีย – อากาศภายในบ้านอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคจากการไอ จาม หรือจากสัตว์เลี้ยง
  • สารเคมีระเหย (VOCs – Volatile Organic Compounds) – มาจากสีทาบ้าน เฟอร์นิเจอร์ใหม่ น้ำยาทำความสะอาด หรือแม้แต่เครื่องหอมที่เราใช้ภายในบ้าน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือแม้แต่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็งในระยะยาว
  • ควันบุหรี่และมลพิษจากการทำอาหาร – บ้านที่มีคนสูบบุหรี่หรือมีการทำอาหารบ่อย ๆ อาจมีสารก่อมะเร็งและก๊าซอันตราย เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO₂)
  • ไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ – ไรฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสรดอกไม้ และเชื้อราจากความชื้นสูงในบ้าน ล้วนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้และโรคทางเดินหายใจ

การมีมลพิษเหล่านี้อยู่ภายในบ้านโดยไม่มีการจัดการ อาจทำให้คุณและคนในครอบครัวเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่คุณอาจไม่ทันสังเกตเห็น

ผลกระทบของอากาศเสียต่อสุขภาพ

       หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศเป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกัน ผลกระทบต่อสุขภาพอาจร้ายแรงกว่าที่คิด โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีภาวะไวต่อมลพิษทางอากาศ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ

  •  ภูมิแพ้กำเริบ – ฝุ่นละออง ไรฝุ่น และเชื้อราทำให้เกิดอาการคัดจมูก จาม และตาแดงในผู้ที่มีอาการแพ้
  •  ไอเรื้อรังและโรคทางเดินหายใจ – ฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าไปในปอดและกระแสเลือดได้ ทำให้เกิดการอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงของโรคปอดเรื้อรัง
  •  อาการหอบหืดแย่ลง – อากาศที่มีสารก่อภูมิแพ้สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดและ หายใจติดขัด
  •  คุณภาพการนอนหลับลดลง – ฝุ่นละอองและอากาศที่ไม่บริสุทธิ์อาจทำให้การหายใจติดขัด ส่งผลต่อการนอนหลับ ทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
  •  ผลกระทบต่อสมองและสุขภาพจิต – มีงานวิจัยพบว่า อากาศที่มีมลพิษสามารถส่งผลต่อการทำงานของสมองและอารมณ์ เช่น ทำให้เกิดความเครียด ปวดหัว และสมาธิสั้น

เทรนด์สุขภาพยุคใหม่ที่ทำให้เครื่องฟอกอากาศกลายเป็นไอเท็มจำเป็นด้วยความตระหนัก ถึงปัญหามลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นเทรนด์สุขภาพยุคใหม่จึงให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพ แวดล้อมภายในบ้านให้สะอาดและปลอดภัยมากขึ้น หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือการใช้ เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) เพื่อช่วยกำจัดมลพิษและทำให้อากาศบริสุทธิ์

ทำไมเครื่องฟอกอากาศถึงเป็นที่นิยม?

  •  ช่วยลดฝุ่น PM 2.5 – เทคโนโลยี HEPA Filter สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กได้ถึง 99.97%
  •  ลดสารก่อภูมิแพ้ – เครื่องฟอกอากาศสามารถกำจัดไรฝุ่น ขนสัตว์ และละอองเกสรดอกไม้ได้
  •  ช่วยกำจัดเชื้อโรคในอากาศ – บางรุ่นมาพร้อม UV-C Light หรือ Ionizer ที่ช่วยฆ่าแบคทีเรียและไวรัส
  • ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ – เครื่องฟอกอากาศที่มี Activated Carbon Filter สามารถดูดซับกลิ่นบุหรี่ ควันจากการทำอาหาร และสารเคมีระเหย
  •  ช่วยให้หลับสบายขึ้น – อากาศที่สะอาดช่วยให้การหายใจดีขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ
  • ปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศกลายเป็นอุปกรณ์ที่แทบทุกบ้านควรมีโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มี ปัญหามลพิษทางอากาศ หรือบ้านที่มีผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือโรคระบบทางเดินหายใจ

“แล้วเราจะเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับบ้านและสุขภาพยังไง?” เมื่อรู้แล้วว่าอากาศภาย ในบ้านของเรามีมลพิษมากกว่าที่คิด และเครื่องฟอกอากาศมีความสำคัญต่อสุขภาพ คำถามที่ตามมาก็คือ “แล้วเราจะเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับบ้านของเราได้อย่างไร?”

จากที่เราได้เห็นถึงความสำคัญของอากาศภายในบ้านและผลกระทบที่มีต่อสุขภาพแล้ว ตอนนี้เรามาพิจารณาปัจจัยในการเลือกเครื่องฟอกอากาศเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวกันต่อไป

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกเครื่องฟอกอากาศ

การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของราคาแต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้ได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึง ได้แก่ขนาดพื้นที่ใช้งานและระบบกรองอากาศที่จะช่วยให้การฟอกอากาศสะอาดและ ปลอดภัยยิ่งขึ้น

  1. ขนาดพื้นที่และอัตราการฟอกอากาศ(CADR) หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือก เครื่องฟอกอากาศคือ ขนาดพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน เพราะหากเลือกเครื่องที่เล็กเกินไป อาจไม่สามารถฟอกอากาศได้ทั่วถึง ทำให้ยังคงมีฝุ่นและมลพิษในห้อง ในขณะเดียวกัน ถ้าเลือกเครื่องที่ใหญ่เกินไป อาจสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น
    เคล็ดลับ:
  • ควรเลือก CADR ที่สูงกว่าขนาดห้องจริงเล็กน้อย เพื่อให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
  • ถ้าห้องมี เพดานสูงกว่า 2.5 เมตร ควรเผื่อค่า CADR เพิ่มขึ้นอีก 10-20%
  • สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ควรเลือกเครื่องที่สามารถรองรับฝุ่นและขนสัตว์ได้ดี
  1. ระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ

เครื่องฟอกอากาศที่ดีไม่เพียงแค่ช่วยกำจัดฝุ่น แต่ยังต้องสามารถกำจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย และสารพิษในอากาศได้ด้วย ปัจจุบัน ระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงมักประกอบด้วย HEPA Filter, Activated Carbon Filter และเทคโนโลยีเสริมอื่น ๆ เพื่อช่วยให้การฟอกอากาศสะอาดที่สุด

HEPA Filter (High Efficiency Particulate Air Filter)

  • เป็นแผ่นกรองที่สามารถดักจับ ฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ได้มากถึง 99.97%
  • สามารถกรอง PM 2.5, PM 10, ละอองเกสรดอกไม้, ไรฝุ่น และขนสัตว์ ได้ดี
  • ควรเลือก HEPA H13 หรือสูงกว่า เพราะสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ดีกว่า

 ข้อควรระวัง: บางเครื่องอาจใช้คำว่า “HEPA-like” หรือ “HEPA-type” ซึ่งอาจไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่า HEPA H13 หรือ H14 ควรตรวจสอบมาตรฐานก่อนซื้อ

Activated Carbon Filter (แผ่นกรองคาร์บอน)

  • ช่วยดูดซับ กลิ่นไม่พึงประสงค์ ควันบุหรี่ สารเคมีระเหย (VOCs) และฟอร์มาลดีไฮด์
  • เหมาะสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง หรือผู้ที่แพ้กลิ่นฉุนจากเฟอร์นิเจอร์ใหม่

 ข้อควรรู้:

  • แผ่นกรองคาร์บอนควรมี ความหนาพอสมควร เพื่อการดูดซับที่มีประสิทธิภาพ
  • เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมี คาร์บอนชนิดเม็ด (Granular Carbon) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารพิษดีกว่าแบบแผ่นบาง

UV-C Light หรือ Ionizer (เทคโนโลยีเสริม)

นอกจากแผ่นกรองหลักแล้ว เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยีเสริมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรค เช่น:

  •  UV-C Light – ใช้รังสีอัลตราไวโอเลตในการทำลาย DNA ของ เชื้อโรค ไวรัส และแบคทีเรีย ทำให้มันไม่สามารถขยายพันธุ์ได้
  •  Ionizer (ไอออนไนเซอร์) – ปล่อยประจุลบเพื่อจับฝุ่นละอองในอากาศให้ตกลงพื้น ทำให้ฝุ่นถูกกำจัดได้ง่ายขึ้น

 ข้อควรระวัง:

  • เครื่องฟอกอากาศที่มี Ionizer ควรเป็นรุ่นที่ได้รับมาตรฐานปลอดโอโซน (Ozone-Free) เพื่อความปลอดภัย
  • UV-C Light จะมีประสิทธิภาพดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับระบบกรอง HEPA และคาร์บอน

เมื่อเราได้รู้จักกับปัจจัยพื้นฐานในการเลือกเครื่องฟอกอากาศแล้ว ขั้นต่อไปเราจะมาดูกันว่า เทคโนโลยีเสริมที่มาพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศในยุคปัจจุบันนั้นช่วยให้การใช้งานเป็น เรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างไร

เทคโนโลยีเสริมที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น

เครื่องฟอกอากาศในปัจจุบันไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องที่ช่วยกรองอากาศให้สะอาดเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับ เทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและปรับแต่งการทำงานให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง

  1. ฟังก์ชันพิเศษเพื่อความสะดวก

เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมี ระบบอัจฉริยะ (Smart Features) ที่ช่วยให้สามารถตรวจจับคุณภาพอากาศ ปรับระดับการทำงาน และใช้งานได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องปรับแต่งเองบ่อย ๆ ฟังก์ชันเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกอากาศและช่วยประหยัดพลังงาน

Auto Mode – ตรวจจับคุณภาพอากาศและปรับกำลังการทำงานอัตโนมัติ

  • เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่มักมีเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับปริมาณฝุ่นและมลพิษในอากาศแบบ เรียลไทม์
  • เมื่ออากาศภายในห้องมีปริมาณฝุ่นหรือสารก่อภูมิแพ้สูง เครื่องจะ ปรับกำลังการทำงาน ให้แรงขึ้นโดยอัตโนมัติ
  • เมื่ออากาศสะอาดขึ้น ระบบจะปรับลดกำลังการทำงานลง เพื่อช่วย ประหยัดพลังงาน และ ยืดอายุการใช้งานของไส้กรอง

 เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่ทำงานเองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องคอยปรับเองบ่อย ๆ
  • บ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ต้องการอากาศสะอาดอย่างต่อเนื่อง

Quiet Mode – ลดเสียงรบกวน เหมาะสำหรับห้องนอน

  • เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมี โหมดเงียบพิเศษ (Quiet Mode หรือ Sleep Mode) ซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนให้ต่ำกว่า 30 เดซิเบล ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับ
  • ฟังก์ชันนี้มักจะลดระดับการทำงานของพัดลมและลดไฟแสดงสถานะให้สลัวลง เพื่อไม่ให้รบกวนในตอนกลางคืน

 เหมาะกับใคร?

  •  คนที่ต้องการเปิดเครื่องฟอกอากาศตลอดคืนโดยไม่ถูกรบกวนจากเสียง
  •  บ้านที่มีเด็กอ่อน หรือผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับ

Smart Control – ควบคุมผ่านแอปพลิเคชันหรือสั่งงานด้วยเสียง

  • เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่มักรองรับการ ควบคุมผ่านสมาร์ตโฟน หรือสั่งงานด้วย Google Assistant และ Alexa
  • สามารถเปิด-ปิด ปรับระดับความแรง และตั้งเวลาเปิด-ปิดผ่านแอปฯ ได้ แม้จะอยู่นอกบ้าน
  • บางรุ่นมี การแจ้งเตือนสภาพอากาศ หรือการแจ้งเตือนให้เปลี่ยนไส้กรองอัตโนมัติ

เหมาะกับใคร?

  •  ผู้ที่ต้องการความสะดวก สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศจากที่ไหนก็ได้
  •  บ้านที่มีระบบบ้านอัจฉริยะ (Smart Home)
  1. ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายระยะยาว

นอกจากประสิทธิภาพในการฟอกอากาศแล้ว เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรช่วย ประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งในเรื่องของค่าไฟและการดูแลรักษาระยะยาวเครื่องฟอกอากาศกินไฟเยอะไหม?

  • เครื่องฟอกอากาศโดยทั่วไปใช้พลังงานประมาณ 20-60 วัตต์ ซึ่งใกล้เคียงกับหลอดไฟ LED
  • หากต้องการใช้งานเครื่องฟอกอากาศเป็นเวลานาน ควรเลือก รุ่นที่มี Energy Saving หรือโหมดประหยัดพลังงาน

 เคล็ดลับ:

  • ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี Energy Star หรือได้รับการรับรองว่าประหยัดพลังงาน
  • เลือกเครื่องที่มี Auto Mode เพราะจะช่วยลดการใช้พลังงานเมื่ออากาศสะอาดขึ้น

ค่าไส้กรองแพงไหม? ควรเช็กว่าไส้กรองเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน

  • เครื่องฟอกอากาศต้องเปลี่ยนไส้กรองเป็นระยะ (เฉลี่ย 6-12 เดือนต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
  • ควรตรวจสอบว่า ราคาไส้กรองเหมาะสม หรือไม่ และสามารถหาซื้อได้ง่าย

 เคล็ดลับ:

  •  เลือกเครื่องที่มี ไส้กรองที่หาเปลี่ยนได้ง่าย และมีอายุการใช้งานยาวนาน
  •  บางเครื่องมี ไฟแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรอง ทำให้ไม่ต้องคอยเช็กเอง

Mazuma เทียบกับแบรนด์อื่น: ค่าใช้จ่ายการใช้งานระยะยาว

  • เครื่องฟอกอากาศที่มี อัตราการใช้พลังงานต่ำ และ ไส้กรองที่มีอายุการใช้งานนาน จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว
  • Mazuma มีตัวเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ให้ ประสิทธิภาพการฟอกอากาศสูง ในขณะที่ยังคง ประหยัดพลังงาน และ มีไส้กรองที่ราคาไม่สูงเกินไป

 เคล็ดลับ:

  •  เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรายปีระหว่างรุ่นต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ
  • คำนวณ ค่าไฟ + ค่าไส้กรอง เพื่อให้ได้เครื่องที่คุ้มค่าที่สุด

นอกจากฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานแล้วคำถามสำคัญที่หลายคนตั้งขึ้นก็คือ เครื่องฟอกอากาศช่วยส่งเสริมสุขภาพจริงหรือไม่ เรามาตรวจสอบกันในส่วนถัดไป

เครื่องฟอกอากาศช่วยสุขภาพได้จริงไหม?

เครื่องฟอกอากาศได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือในครัวเรือนที่มีผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด หรือปัญหาทางเดินหายใจอื่น ๆ แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ เครื่องฟอกอากาศช่วยให้สุขภาพดีขึ้นจริงหรือเป็นเพียงแค่ เทรนด์สุขภาพ?

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยลดมลพิษทางอากาศภายในบ้าน ลดสารก่อภูมิแพ้ และช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น เรามาดูรายละเอียดกันว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพในด้านใดบ้าง

  1. มีผลการวิจัยสนับสนุนว่าเครื่องฟอกอากาศช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน

ฝุ่น PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศหนึ่งในแหล่งปัญหาสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดคือ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5 และ PM 10) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจ และสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสรดอกไม้ และเชื้อรา

HEPA Filter ในเครื่องฟอกอากาศ สามารถช่วยลดสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ได้ โดยสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 99.97% ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้
เช่น

  • จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล
  •  อาการคันตา และคันจมูก
  •  ภูมิแพ้ หรืออาการผื่นลมพิษจากฝุ่นและขนสัตว์

 เคล็ดลับสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้:

  • วางเครื่องฟอกอากาศไว้ใน ห้องนอน หรือ พื้นที่ที่ใช้เวลาอยู่มากที่สุด
  • ใช้ HEPA Filter ระดับ H13 หรือสูงกว่า เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
  • ควรเปลี่ยนไส้กรองเป็นประจำเพื่อให้การกรองอากาศมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
  1. ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่แพ้ฝุ่นหรือเป็นโรคหอบหืด

อากาศที่สะอาดมีผลโดยตรงต่อคุณภาพการนอนหลับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาการหายใจ เช่น โรคหอบหืด ภูมิแพ้ หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)

เหตุผลที่เครื่องฟอกอากาศช่วยให้หลับดีขึ้น

  • ลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ – ช่วยให้จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น ลดอาการไอหรือแน่นหน้าอกในเวลากลางคืน
  •  ลดฝุ่นในห้อง – ฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศสามารถกระตุ้นอาการคัดจมูกและหายใจติดขัด เครื่องฟอกอากาศช่วยให้ฝุ่นเหล่านี้ลดลง
  •  Quiet Mode – เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่มักมีโหมดเงียบที่ช่วยให้ไม่รบกวนการนอนหลับ

             งานวิจัยเกี่ยวกับการนอนหลับ

มีการศึกษาจาก National Sleep Foundation (NSF) ระบุว่า คุณภาพอากาศในห้องนอนที่ดีขึ้นสามารถช่วยลดปัญหาการตื่นกลางดึก และช่วยให้ระยะเวลาการนอนลึก (Deep Sleep) เพิ่มขึ้น

 เคล็ดลับสำหรับการใช้งานเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน:

  • เลือกเครื่องที่มี โหมดเงียบ (Quiet Mode หรือ Sleep Mode)
  • ตั้งเครื่องให้ห่างจากเตียงประมาณ 1-2 เมตร เพื่อให้มีอากาศบริสุทธิ์หมุนเวียน
  • ควรเปิดเครื่องฟอกอากาศล่วงหน้า 30-60 นาที ก่อนเข้านอน
  1. ลดการสะสมของเชื้อโรคในอากาศ ทำให้ป่วยน้อยลง

นอกจากฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้แล้ว อากาศภายในบ้านยังอาจมี แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ที่สามารถทำให้เกิดโรคติดเชื้อต่าง ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ และโรคทางเดินหายใจ

เครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยลดเชื้อโรคได้อย่างไร?

  •  UV-C Light – เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมีแสง UV-C ที่สามารถทำลาย DNA ของแบคทีเรียและไวรัสได้
  •  Ionizer (ปล่อยประจุไอออน) – ช่วยทำให้ฝุ่นและเชื้อโรคจับตัวกันและตกลงพื้น ทำให้ลดปริมาณเชื้อโรคในอากาศ
  •  Activated Carbon Filter – ดูดซับสารพิษและสารเคมีที่อาจเป็นอันตราย เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ และสารก่อมะเร็งจากเฟอร์นิเจอร์

งานวิจัยเกี่ยวกับการลดเชื้อโรค

มีการศึกษาในวารสารทางการแพทย์ เช่น Journal of Infectious Diseases ที่พบว่า เครื่องฟอกอากาศที่มี UV-C และ HEPA Filter สามารถช่วยลดปริมาณเชื้อโรคในอากาศได้ถึง 80-90% ทำให้ลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโรคในบ้าน

 เคล็ดลับ:

  • ใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
  •  ควรเลือกเครื่องที่มี UV-C Light หรือระบบฆ่าเชื้อเสริม หากต้องการกำจัดเชื้อโรคในอากาศ

เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบของเครื่องฟอกอากาศที่มีต่อสุขภาพอย่างละเอียดแล้วตอนนี้เรามา สรุปข้อมูลทั้งหมดและพิจารณาว่าแบรนด์ใดที่ตอบโจทย์ครบทุกด้านสำหรับบ้านของเรา

ทำไมต้องเลือกเครื่องฟอกอากาศ MAZUMA?

ปัจจุบัน เครื่องฟอกอากาศ ได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับหลายครัวเรือน ไม่ใช่เพียงแค่ป้องกันฝุ่นหรือมลพิษ แต่ยังช่วยสร้าง คุณภาพอากาศที่ดีขึ้น ให้กับคนในบ้าน ลดสารก่อภูมิแพ้ และทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา

ในบทความนี้ เราได้อธิบายถึง ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ รวมถึง เทคโนโลยีที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น และ ผลกระทบต่อสุขภาพ แล้วคำถามสุดท้ายคือ เครื่องฟอกอากาศแบรนด์ไหนที่ตอบโจทย์ครบทุกด้าน?

คำตอบของเราคือ Mazuma แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศ และมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้คุณได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ที่สุด

 เลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับขนาดพื้นที่ ระบบกรอง ฟังก์ชัน และค่าใช้จ่าย

  1. ขนาดพื้นที่ & CADR ที่เหมาะสม

การเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับขนาดห้องเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะหากเครื่องมี CADR (Clean Air Delivery Rate) ต่ำกว่าความต้องการ จะทำให้ฟอกอากาศได้ไม่ทั่วถึง Mazuma มีตัวเลือกหลากหลายขนาด รองรับทั้ง

  •  ห้องนอนขนาดเล็ก (ต่ำกว่า 20 ตร.ม.)
  •  ห้องนั่งเล่นขนาดกลาง (20-40 ตร.ม.)
  • พื้นที่ขนาดใหญ่ (มากกว่า 40 ตร.ม.)

 เคล็ดลับ: เลือกค่า CADR ที่สูงกว่าขนาดห้องเล็กน้อย เพื่อให้ฟอกอากาศได้มีประสิทธิภาพสูงสุด

2️. ระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ

เครื่องฟอกอากาศของ Mazuma มาพร้อมระบบกรองขั้นสูง ที่ช่วยดักจับฝุ่นละออง PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่

  •  HEPA Filter (H13+) – กรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมากถึง 99.97%
  •  Activated Carbon Filter – ดูดซับกลิ่น ควันบุหรี่ และสารเคมีที่เป็นอันตราย
  •  UV-C Light หรือ Ionizer – ช่วยกำจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัส

 เครื่องฟอกอากาศของ Mazuma มีการกรองหลายชั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศที่สูดเข้าไปนั้นสะอาดและปลอดภัย

3️. เทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น

Mazuma เข้าใจถึง ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยุคใหม่ จึงพัฒนาเครื่องฟอกอากาศให้ใช้งานง่ายและสะดวกขึ้น ด้วยฟังก์ชันล้ำสมัย เช่น

  • Auto Mode – ตรวจจับคุณภาพอากาศและปรับกำลังการทำงานอัตโนมัติ
  • Quiet Mode – โหมดเงียบพิเศษสำหรับเวลากลางคืน
  • Smart Control – ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน หรือสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Alexa

 ช่วยให้คุณใช้งานเครื่องฟอกอากาศได้ง่ายขึ้น แม้ไม่อยู่บ้านก็สามารถควบคุมผ่านมือถือได้

4️. ค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าในระยะยาว

การซื้อเครื่องฟอกอากาศไม่ใช่แค่ดูราคาซื้อครั้งแรก แต่ต้องพิจารณา ค่าใช้จ่ายในการใช้งานระยะยาว เช่น

  •  การใช้พลังงานต่ำ – Mazuma มีโหมดประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟได้ในระยะยาว
  •  ไส้กรองอายุการใช้งานนาน – ใช้ได้นาน 6-12 เดือน ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนไส้กรองบ่อย ๆ
  •  คุ้มค่ากว่าในระยะยาว – เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น Mazuma ให้ประสิทธิภาพสูงในราคาที่เหมาะสม

 การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่คุ้มค่า ไม่ใช่แค่ราคาถูกที่สุด แต่ต้องเป็นเครื่องที่ประหยัดพลังงาน และมีค่าดูแลรักษาต่ำ

หลังจากวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ แล้ว Mazuma เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนที่ต้องการอากาศสะอาดและสุขภาพที่ดี เพราะ

  •  เทคโนโลยีล้ำสมัย – มีระบบกรองคุณภาพสูง พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ
  • มีหลายขนาด รองรับทุกพื้นที่ – ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือออฟฟิศ
  •  ประหยัดพลังงาน ค่าใช้จ่ายระยะยาวต่ำ – ใช้ไฟน้อย ไส้กรองอายุการใช้งานนาน
  •  ออกแบบให้ใช้งานง่าย – มี Auto Mode, Smart Control และ Quiet Mode
  •  ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น – ลดฝุ่น PM 2.5, สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรค

Mazuma ไม่ใช่แค่เครื่องฟอกอากาศ แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพของคุณและครอบครัว

สนใจดูรายละเอียดและโปรโมชั่น คลิกที่นี่  mazuma.co.th

หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่ให้ อากาศสะอาด ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด อย่าลืมเช็คโปรโมชั่นและรายละเอียดเพิ่มเติมจาก Mazuma ได้ที่ mazuma.co.th

Top
Select the fields to be shown. Others will be hidden. Drag and drop to rearrange the order.
  • Image
  • SKU
  • Rating
  • Price
  • Stock
  • Availability
  • Add to cart
  • Description
  • Content
  • Weight
  • Dimensions
  • Additional information
Click outside to hide the comparison bar
เปรียบเทียบสินค้า