“มาซูม่า” รีแบรนด์จับมือพาร์ตเนอร์บุกตปท
ทีมบริหารเจน 2 “มาซูม่า” ทุ่ม 50 ล้านบาท รีแบรนดิ้งลดอายุชูนวัตกรรม-ดีไซน์-บริการหวังตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ พร้อมปรับกลยุทธ์ปี 2560 เพิ่มน้ำหนักงาน โครงการเจาะภาคอุตสาหกรรมปั้นรายได้ ชดเชยภาคครัวเรือนชะลอเพราะ พิษเศรษฐกิจ ด้าน ตปท.เดินหน้าตั้ง ดิสทริบิวเตอร์รุกตลาดอินโดนีเซียเวียดนาม คาดดันยอดขายปีหน้าโต 20% ทะลุ 1,000 ล้านบาท
นายศรัล ดุรงค์เดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต เครื่องกรองน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้กดน้ำและปั๊มน้ำแบรนด์ “มาซูม่า” กล่าวว่า ตลาดเครื่องกรองน้ำมูลค่า 3,800 ล้านบาท และเครื่องทำน้ำอุ่น 5,500 ล้านบาท มีการ เติบโต 7% และ 5% ตามลำดับ ซึ่งน้อยกว่า ปีก่อนจากสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ปัจจัยบวกจากการขยายตัวของอสังหาฯส่งผลไม่มากนัก
เพื่อรับมือสภาพตลาดในปีหน้า และเป็นจังหวะที่ทีมบริหารเจเนอเรชั่น 2 เข้ามาบริหารเต็มตัว จึงได้ตัดสินใจรีแบรนดิ้ง โดยปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น ทั้งการออกแบบโลโก้ใหม่ ปรับกลยุทธ์เน้นชูนวัตกรรมและดีไซน์เป็นจุดขาย ขณะเดียวกัน เน้นภาพลักษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบน้ำครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ยอมใช้จ่ายแลกกับเทคโนโลยีและความน่าเชื่อถือ รวมถึงต้องการให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในบ้าน
นอกจากนี้ ยังมุ่งเพิ่มรายได้จากงานโครงการจากเดิมที่มีสัดส่วน 30% ให้เป็น 35-40% เพื่อถ่วงดุลรายได้กับตลาดคอนซูเมอร์ ที่ชะลอตัว โดยจะเพิ่มจำนวนวิศวกรในทีมงานโครงการมากขึ้น พร้อมเน้น ชูบริการครบวงจรตั้งแต่ออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย มุ่งเจาะกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและสถานพยาบาลซึ่งมีดีมานด์ต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ ที่เตรียม ตั้งดิสทริบิวเตอร์ในอินโดนีเซียและเวียดนาม เพื่อทำตลาดเครื่องกรองน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่น หลังจากรุกตลาดลาวกับกัมพูชาไปก่อนหน้าแล้ว อาศัยจุดแข็งเรื่องความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ไทยและนวัตกรรมต่าง ๆ
โดยปี 2560 เตรียมงบฯลงทุน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นงบฯการตลาด 50 ล้านบาท สูงกว่า ปีก่อน 10% เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในช่องทางดิจิทัลตามเทรนด์ของผู้บริโภค จากเดิมที่เน้นกิจกรรมและสื่อในร้านค้าเป็นหลัก อีก 50 ล้านบาทสำหรับขยายศูนย์บริการเพิ่มจาก 19 เป็น 25 สาขาทั่วประเทศ และอีก 50 ล้านบาทเพื่อเพิ่มกำลังผลิตของโรงงานที่ลาดหลุมแก้วจาก 1.5 แสนเครื่องต่อปี เป็น 1.8 แสนเครื่องต่อปี รับดีมานด์ทั้งใน-นอกประเทศ
ทั้งนี้ คาดว่าปีหน้าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากเครื่องกรองน้ำ 60% เครื่องทำน้ำอุ่น 30% และตู้กดน้ำกับปั๊มน้ำอย่างละ 5% โดยมีการเติบโต 20% จากยอด 860 ล้านบาท เติบโต 16% ในปีนี้