ไส้กรองน้ำสำหรับเครื่องกรองน้ำ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดก็ว่าได้ หากขาดไส้กรองแล้ว เครื่องกรองน้ำจะไม่สามารถกรองน้ำให้สะอาดได้ สำหรับคุณสมบัติของไส้กรองน้ำจะแตกต่างกันไปตามระบบของเครื่องกรองน้ำแต่ละประเภท โดยเครื่องกรองน้ำโดยทั่วไปที่อยู่ในท้องตลาดจะมีไส้กรองคล้ายๆกัน สามารถแบ่งเป็น 7 ประเภทหลักๆ ซึ่งทั้ง 7ประเภทนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน รวมถึงอายุการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปด้วย ซึ่งเราสามารถจำแนกไส้กรองประเภทต่าง ๆ และความสามารถในการใช้งานได้ดังนี้
-ไส้กรอง PP หรือ sediment filter คือไส้กรองหยาบ มีหน้าที่กรองฝุ่นตะกอนขนาดใหญ่ในน้ำ
มีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน ตามแต่สภาพน้ำในแต่ละพื้นที่
– ไส้กรอง Carbon Block มีหน้าที่กรองกลิ่น สี คลอรีนในน้ำ
ไส้กรองคาร์บอน จะมี 2 แบบ คือแบบอัดแท่งและแบบเป็นผง อายุการใช้งานประมาณ 6-8 เดือน
– ไส้กรอง Resin มีหน้าที่ลดการเกิดคราบหินปูน ความกระด้าง ปรับสภาพน้ำ อายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 6-8 เดือน
– ไส้กรอง UF มีหน้าที่ในการกรองตะกอนขนาดเล็ก คลอรีน เชื้อโรค(บางชนิด) ที่ความละเอียดสูงสุด 0.01 ไมครอน ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าและไม่มีน้ำทิ้ง จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเดินสายและต่อท่อน้ำทิ้ง อายุการใช้งานประมาณ 1 ปี
– ไส้กรอง Post Carbon มีหน้าที่กรอง คลอรีนในน้ำ ลดกลิ่น สี คุณสมบัติเหมือนไส้กรองคาร์บอนบล็อค/แก็ป
ใช้ปรับรสชาติน้ำขั้นตอนสุดท้าย ก่อนดื่ม อายุการใช้งานประมาณ 1 ปี
– ไส้กรอง RO membrane ไส้กรองที่มีความละเอียดถึง 0.0001 ไมครอน เป็นไส้กรองที่รวมคุณสมบัติไส้กรองต่างๆ เข้าด้วยกัน สามารถกรองสารปนเปื้อนต่างๆและกรองแร่ธาตุทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็นต่อร่างกายออกไปจนหมด อายุการใช้งานประมาณ 24-36 เดือน
– ไส้กรอง UV (Ultra Violet) ความสามารถในการใช้แสง UV ฆ่าเชื้อโรคในน้ำ อายุการใช้งานประมาณ 1 ปี หรือ 7,000 ชั่วโมง
– ไส้กรองเซรามิก มีหน้าที่กรองเชื้อแบคทีเรียที่ความละเอียดสูงสุด 0.3 ไมครอน อายุการใช้งานประมาณ 1 ปี (ตามแต่สภาพน้ำในแต่ละพื้นที่)
ข้อแนะนำ : ควรเปลี่ยนไส้กรองตามอายุการใช้งาน เพราะหากเกินกำหนดเปลี่ยนไส้กรองแล้วประสิทธิภาพการกรองจะลดลง เปลี่ยนเพื่อความสะอาด เปลี่ยนเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า